ต่อจาก
ศูนย์นักศึกษาพม่ามณีลอย ตอนที่ 1 กำเนิดศูนย์
ศูนย์นักศึกษาพม่ามณีลอย ตอนที่ 2 ใครบ้างอยู่ในศูนย์ฯ
ศูนย์นักศึกษาพม่ามณีลอย ตอนที่ 3 อยู่กันอย่างไรในมณีลอย
โครงสร้างการบริหารงานของศูนย์ฯ
ที่มาข้อมูล
อ่านต่อ >>
ศูนย์นักศึกษาพม่ามณีลอย ตอนที่ 1 กำเนิดศูนย์
ศูนย์นักศึกษาพม่ามณีลอย ตอนที่ 2 ใครบ้างอยู่ในศูนย์ฯ
ศูนย์นักศึกษาพม่ามณีลอย ตอนที่ 3 อยู่กันอย่างไรในมณีลอย
โครงสร้างการบริหารงานของศูนย์ฯ
มีเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป สังกัดสำนักงานจังหวัดราชบุรี เป็นหัวหน้าศูนย์ แบ่งงานออกเป็น 6 งาน คือ งานอำนวยการ งานทะเบียน งานบริหารการเงิน งานอนามัย งานสงเคราะห์และสวสัดิการ และงานรักษาความสงบเรียบร้อย โดยการบริหารงานนั้น ขึ้นตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ผ่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีที่ได้รับมอบหมาย และประสานงานแนวนอนกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี และนายอำเภอปากท่อ
บทบาทการช่วยเหลือขององค์การเอกชนและ UNHCR
ประเทศตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศ อาทิ UNHCR ได้ให้ความสนใจปัญหานักศึกษาพม่าและเรียกร้องมิให้ไทยทำการผลักดันนักศึกษาพม่า กลับประเทศจนกว่าสถานการณ์ในพม่าจะมีความปลอดภัย โดยองค์การระหว่างประเทศและองค์การเอกชนจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยองค์การต่างๆ ได้แก่
- ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR (United Nations High Commissioner for Refugees) ให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายประจำเดือนแก่นักศึกษา ผู้ใหญ่คนละ 800 บาทต่อเดือน เด็กอายุ 15-18 ปี คนละ 400 บาทต่อเดือน เด็กอายุไม่เกิน 14 ปี คนละ 200 บาทต่อเดือน ค่าอาหารทั้งที่ประกอบเลี้ยง 3 มื้อ และอาหารแห้งสำหรับนักศึกษาอีกส่วนหนึ่งที่เข้าอยู่ภายหลังเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2542 เป็นต้นมา ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่พัก อาคารประกอบและสิ่งสาธารณูปโภคอื่นๆ ตามสมควร
- สำนักงานคาทอลิกสงเคราะห์ผู้ประสบภัยและผู้ลี้ภัย หรือ COERR (Catholic Office for Emergency Relief and Refugees) โดยกระทรวงมหาดไทยได้อนุญาตให้องค์การนี้ เข้าช่วยเหลือนักศึกษาพม่าในศูนย์ด้วยการบริการด้านการศึกษา การฝึกอาชีพ การเรียนภาษาอังกฤษ พิมพ์ดีด คอมพิวเตอร์ การฝึกอาชีพช่างซ่อมเครื่องยนต์
- IRC (International Rescue Committe) ได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยดำเนินการช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลเบื้องต้น และด้านสาธารณูปโภค เช่น การกำจัดขยะ การบำบัดน้ำเสีย
การเดินทางไปประเทศที่สาม
หลังจากนักศึกษาพม่ารายงานตัวเข้าขอพักอาศัยในศูนย์มณีลอยแล้ว จะมีการทำทะเบียนประวัติและผ่านกระบวนการทางกฏหมายไทยก่อน หลังจากนั้น UNHCR จึงรับตัวไปสัมภาษณ์ โดยในเบื้องต้นจะถามความสมัครใจของนักศึกษาก่อนว่าจะไปอยู่ประเทศใด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จากสถานฑูตหรือกงศุลของประเทศนั้นๆ จะทำการสัมภาษณ์ซ้ำอีกครั้ง เพื่อแยกประเภทบุคคลเข้าสู่ระบบงานที่พึงประสงค์ของประเทศเขา เมื่อมีอุปสงค์และอุปทานสอดรับกัน UNHCR ก็จะดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารที่จะประกอบการเดินทางไปประเทศที่สามทั้งหมดให้นักศึกษา แล้วกำหนดวันเดินทาง โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด UNHCR เป็นผู้จ่ายให้
ข้อมูล ณ เดือนเมษายน พ.ศ.2543 มีบุคคลสัญชาติพม่าที่พักอาศัยอยู่ในศูนย์มณีลอย เดินทางไปตั้งถิ่นฐาน ณ ประเทศที่สาม จำนวน 2,225 คน แยกได้ดังนี้
- ประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 1,049 คน
- ประเทศแคนาดา จำนวน 661 คน
- ประเทศออสเตรเลีย จำนวน 510 คน
- ประเทศสวีเดน จำนวน 4 คน
- ประเทศอังกฤษ จำนวน 1 คน
วีรกรรมของนักศึกษาพม่า ในบ้านมณีลอย
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2542 เวลาประมาณ 11:45 น. กลุ่มนักศึกษาพม่าที่ใช้ชื่อว่า Vigorous Burmese Student Warrior (VBSW) จำนวน 5 คน ใช้อาวุธสงครามบุกยึดสถานเอกอัครราชฑูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย จับตัวเจ้าหน้าที่สถานฑูต คนงานและผู้ที่มาติดต่อสถานฑูตทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติๆไว้จำนวน 89 คน
นักศึกษา 2 ใน 5 คนนั้น เป็นนักศึกษาที่พักอาศัยอยู่ในศูนย์นักศึกษาพม่าบ้านมณีลอย คือ Mr.Kyaw Nee (จอห์นนี่) และ Mr.Myint Oo หรือ Mr.Myint Thein (ปรีดา)
เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ชื่อ "บ้านมณีลอย" โด่งดังในสังคมข่าวสารอย่างรวดเร็ว ม.ร.ว.สุขมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการต่างประเทศ และนายชัยพฤกษ์ แสวงเจริญ อดีตหัวหน้าศูนย์นักศึกษาพม่าบ้านมณีลอย ต้องยอมเป็นตัวประกันแทนผู้ถูกจับทั้ง 89 คน นั่งเฮลิคอปเตอร์นำนักศึกษาพม่าทั้ง 5 คน ไปส่งที่รอยต่อชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2542
และต่อมา เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2543 Mr.Myint Oo หรือ Mr.Myint Thein (ปรีดา) ได้ดำเนินการก่อเหตุร้ายแรงอีกครั้งหนึ่ง โดยพาพวกกองกำลังกองทัพพระเจ้า (God's Army) จำนวน 10 คน บุกเข้ายึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี และถูกทางการจู่โจมจับตายทั้งหมดเมื่อ 25 มกราคม 2554
(ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน ก๊อดอามี่บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี)
(ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน ก๊อดอามี่บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี)
อวสานศูนย์นักศึกษาพม่ามณีลอย
ตั้งแต่เปิดศูนย์ฯ ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2535 เป็นต้นมา นักศึกษาพม่าล้วนสร้างความเดือดร้อนมาโดยตลอด ขาดระเบียบวินัย ไม่เคารพกฎกติกา มีการหลบหนีออกจากศูนย์ไปก่อเหตุร้ายต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว นอกจากนั้นยังสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านโดยรอบศูนย์ มีการลักเล็กขโมยน้อย ขโมยผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านที่ปลูกไว้ในเรือกสวน ไร่ นา ของมีค่าในบ้านก็ถูกโจรกรรม กลางคืนชาวบ้านต้องคอยระวังทรัพย์สิน ต้นไม้ในที่สาธารณะถูกตัดทำลายเพื่อนำไปสร้างเพิงพักอาศัย
นายหล้า สุขวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านมณีลอย ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เล่าถึงเหตุการณ์สมัยที่ศูนย์นักศึกษาพม่าบ้านมณีลอยยังเปิดทำการอยู่ ให้ผู้สื่อข่าว น.ส.พ.คม ชัด ลึก เมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ฟังว่า
"สมัยที่ศูนย์นักศึกษาพม่าเปิดทำการ ชาวบ้านในมณีลอยนอนผวาทุกคืน ข้าวของ พืชไร่ ถูกขโมยไม่เว้นวัน ลูกเด็กเล็กแดงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเผลอไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่มีบ้านอยู่ใกล้ศูนย์เดือดร้อนถูกข่มขู่ ขนาดผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน ยังไม่วายถูกพวกเขาข่มขู่เลย......
....ชาวพม่าที่เข้ามาอยู่ในศูนย์ในเวลานั้น ส่วนใหญ่มีนิสัยดื้อรั้นเกเร เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เชื่อฟังใคร ทางการห้ามออกจากศูนย์ ก็ฝ่าฝืน จนเจ้าหน้าที่ยูเอ็นต้องลงโทษโดยการไม่จ่ายเงินรายเดือน พวกเขาก็รวมตัวกันขู่จะทำร้าย เจ้าหน้าที่บางรายถูกล้อมที่พัก ถูกขู่จะเผาบ้านพักก็มี ส่วนชาวบ้านไม่ต้องพูดถึง เดือดร้อนกันอย่างหนัก...
.....ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าเอาศูนย์นี้มาตั้งในหมู่บ้านผมทำไม เราเคยอยู่กันอย่างสงบ แต่พอศูนย์เปิดทำการก็ต้องอยู่กันอย่างหวาดผวา คิดดูเถอะพวกเขามีหลายพันคนขณะที่คนในหมู่บ้านเราทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันแล้วมีไม่ถึงพัน หากเกิดปัญหาขึ้นมาเราก็ตายกับตาย"
.....ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าเอาศูนย์นี้มาตั้งในหมู่บ้านผมทำไม เราเคยอยู่กันอย่างสงบ แต่พอศูนย์เปิดทำการก็ต้องอยู่กันอย่างหวาดผวา คิดดูเถอะพวกเขามีหลายพันคนขณะที่คนในหมู่บ้านเราทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันแล้วมีไม่ถึงพัน หากเกิดปัญหาขึ้นมาเราก็ตายกับตาย"
ศูนย์นักศึกษาพม่าบ้านมณีลอยถูกชาวบ้านใน อ.ปากท่อ ต่อต้านอย่างหนัก จนรัฐบาลต้องดำเนินการปิดศูนย์อย่างเร่งด่วนในปี พ.ศ. 2545 โดยนักศึกษาบางส่วนถูกส่งตัวไปยังประเทศที่สาม ที่เหลือถูกส่งมาอยู่ที่ศูนย์อพยพบ้านถ้ำหิน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เพื่อรอส่งตัวไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สามต่อไป
รวมระยะเวลาที่ศูนย์มณีลอยเปิดให้นักศึกษาพม่าได้พักพิง มาเป็นจำนวนทั้งสิ้นเกือบ 10 ปี
ที่มาข้อมูล
- คม ชัด ลึก. (2551). พลิกแฟ้ม : ปิดฉากศูนย์ มณีลอย อวสานกองกำลังก็อดอาร์มี.[Online]. Available :http://news.sanook.com/scoop/scoop_325931.php. [2554 เมษายน 1 ].
- ปรีชา เรืองจันทร์. (2543). ก๊อดอามี่ มณีลอย ปลุกราชบุรีเขย่าโลก. ราชบุรี : ธรรมรักษ์การพิมพ์